top of page
origami-banner-arrow-4.png
TLBC-4.png
three-1181081_640.png
บทเรียนที่

การรวบรวมข้อมูล

เพื่อแก้ปัญหา

Rungniran Khatcharat

ข้อมูล ( data )

        คือ  ข้อความจริง  หรือสิ่งที่บ่งบอกถึงสภาพ  สถานการณ์  หรือปรากฏการณ์ใดปรากฏการณ์หนึ่ง  โดยที่ข้อมูลอาจเป็นตัวเลขหรือข้อความก็ได้

        ข้อมูลถือได้ว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญสำหรับการประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ในยุคโลกาภิวัตน์ (Globalization) ที่การติดต่อสื่อสารแบบไร้พรมแดนเกิดขึ้นอย่างมากมายทำให้ข้อมูลถูกเผยแพร่และกระจายการใช้งานกันอย่างทั่วถึง โดยปกติแล้ว ข้อมูลสำหรับการนำมาประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์นั้นจะได้มาจากแหล่งที่มา 2 ประเภทด้วยกัน  คือ

      1. แหล่งข้อมูลภายใน เป็นแหล่งข้อมูลที่อยู่ภายในองค์กรทั่วไป ข้อมูลที่ได้มานั้นอาจมาจากพนักงานหรือมีอยู่แล้วในองค์กร เช่น ยอดขายประจำปี ข้อมูลผู้ถือหุ้น รายงานกำไรขาดทุนรายชื่อพนักงานเปิดเผยให้กับบุคคลภายนอกทราบหรือไม่ก็ได้ หากข้อมูลนั้นเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานหลักขององค์กรและมีความสำคัญมาก เช่น ข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่จะส่งออกสู่ตลาดใหม่ข้อมูลการทดลองแปรรูปสินค้า หน่วยงานนั้นอาจมีการปกปิดไว้เพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลได้

      2. แหล่งข้อมูลภายนอก เป็นแหล่งข้อมูลที่อยู่ภายนอกองค์กร โดยทั่วไปแล้ววสามารถนำข้อมูลต่างๆ เหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ในองค์กรหรือนำมาใช้ประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อให้ได้ระบบงานที่สมบูรณ์ขึ้นได้   ข้อมูลลูกค้า เจ้าหนี้ อัตราดอกเบี้ยสถานบันการเงิน กฎหมายและอัตราภาษีของรัฐบาล หรืออาจรวมถึงข้อมูลบริษัทคู่แข่งด้วย ซึ่งไม่ใช่ข้อมูลที่อยู่ภายในบริษัทหรือองค์กรแต่อย่างใด เราสามารถหาข้อมูลจากแหล่งภายนอกนี้ได้จากบริษัทผู้ให้บริการข้อมูลหรือจากหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ หรือสื่ออื่นๆ ได้ทั่วไป

จากแหล่งที่มาทั้งสองนี้อาจจะได้มา 2 รูปแบบ  คือ

        1. ข้อมูลปฐมภูมิ หมายถึง ข้อมูลที่ได้จากการเก็บรวบรวมหรือบันทึกจากแหล่งข้อมูลโดยตรง ซึ่งอาจจะได้สอบถาม การสัมภาษณ์ การสำรวจ การจดบันทึก ตลอดจนการจัดหามาด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติต่างๆที่ดำเนินการจัดเก็บข้อมูลให้ได้ เช่น เครื่องอ่านรหัสแท่ง เครื่องอ่านแถบแม่เหล็ก ข้อมูลปฐมภูมิจึงเป็นข้อมูลพื้นฐานที่ได้มาจากจุดกำเนิดของข้อมูลนั้นๆ

        2. ข้อมูลทุติยภูมิ หมายถึง ข้อมูลที่มีผู้อื่นรวบรวมให้แล้ว บางครั้งอาจจะมีการประมวลผล เพื่อเป็นสารสนเทศผู้ใช้ข้อมูลไม่จำเป็นต้องไปสำรวจเอง ดังตัวอย่างข้อมูลสถิติต่างๆ ที่หน่วยงานรัฐบาลทำไว้แล้ว   เช่น สถิติจำนวนประชากรแต่ละจังหวัด สถิติการส่งออกสินค้า สถิติการนำเสนอสินค้า ข้อมูลเหล่านนี้มีการตีพิมพ์เผยแพร่เพื่อให้ใช้งานได้หรือนำเอาไปประมวลผลต่อ

วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล

      1. การสำมะโน   คือ  การเก็บรวบรวมข้อมูลจากทุก ๆ หน่วยของประชากรหรือสิ่งที่เราต้องการศึกษา  ใช้กรณีประชากรมีขนาดเล็กหรือขอบเขตไม่กว้างขวางนัก ( เพราะเป็นวิธีที่ทำให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายมาก )

      2. การสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง  คือ  การเก็บรวบรวมข้อมูลจากบางหน่วยที่เลือกมาเป็นตัวแทนจากทุก ๆ หน่วยของประชากรหรือสิ่งที่เราต้องการศึกษาเท่านั้น

      3. การสัมภาษณ์  (interview )นิยมใช้กันมาก  เพราะจะได้คำตอบทันที  หากผู้ตอบไม่เข้าใจสามารถอธิบายเพิ่มเติมได้  แต่ผู้สัมภาษณ์ต้องซื่อสัตย์  และเข้าใจจุดมุ่งหมายของการเก็บข้อมูลอย่างแท้จริง

      4. การสอบถามทางไปรษณีย์  ( mail )ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายมาก  สะดวกและสบายใจในการตอบแบบสอบถาม  แต่มีข้อเสียคือ  ต้องใช้ในเฉพาะที่มีการศึกษา  มีไปรษณีย์ถึงคำถามต้องชัดเจน  อาจไม่ได้รับคืนตามเวลาหรือจำนวนที่ต้องการ  จึงต้องส่งไปเป็นจำนวนมากหรืออาจไปแจกและเก็บด้วยตนเอง

      5. การสอบถามทางโทรศัพท์เป็นวิธีที่ง่าย  เสียค่าใช้จ่ายน้อย  ต้องเป็นการสัมภาษณ์อย่างสั้น ๆ ตอบได้ทันที  ใช้ได้เฉพาะส่วนที่มีโทรศัพท์

      6. การสังเกต  ( observation )เป็นข้อมูลที่ได้จากการสังเกตแล้วบันทึกสิ่งที่เราสนใจเอาไว้  ต้องใช้การสังเกตเป็นช่วง ๆของเวลาอย่างต่อเนื่องกัน  ข้อมูลจะน่าเชื่อถือได้มากน้อยขึ้นอยู่กับความเข้าใจและความชำนาญของผู้สังเกต

      7. การทดลอง  ( experiment )เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลที่มีการทดลอง  ซึ่งมักจะใชเวลาในการทดลองนาน ๆ ทำซ้ำ ๆมีความถูกต้องและเชื่อถือได้มาก  ถ้าไม่เกิดความคลาดเคลื่อนจากการวัดหรือการวางแผนการทดลอง

      8. รายงานต่าง ๆของหน่วยงานราชการและองค์การของรัฐบาล  เช่น   ทะเบียนประวัติบุคลากร  ประวัติคนไข้  ทะเบียนนักเรียน  นักศึกษา 

ปัญหาในการใช้ข้อมูล

       -ปัญหาในการใช้ข้อมูลทุติยภูมิ

       -ความถูกต้องและเชื่อถือได้ของข้อมูล

       -ความทันสมัยของข้อมูล

       -การขาดหายไปของข้อมูลบางรายการ

       -ปัญหาในการใช้ข้อมูลปฐมภูมิ

      -ไม่ทราบว่าจะใช้  วิธีเลือกตัวอย่าง  หรือ  วิธีการวางแผนการทดลอง  แบบใดจึงเหมาะสม

      -ไม่ทราบว่าจะ  ประเมินความถูกต้องและเชื่อถือได้  ของข้อมูลอย่างไร

      -ไม่ทราบว่าจะ  วิเคราะห์ข้อมูล  อย่างไร  เมื่อข้อมูลได้ไม่ครบถ้วนหรือขาดหายไป

ที่มา https://faiiratchadaphorn.wordpress.com/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-3-%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%A5/

2.png
tb-3.png
bottom of page